Conjunction - คำสันธาน

Conjunction - คำสันธาน

ฉันชอบท่องเที่ยวคนเดียว ฉันชอบดูหนังคนเดียว ฉันชอบเดินห้างคนเดียว ฉันชอบกินบุปเฟ่ต์คนเดียว สรุปฉันชอบทำอะไรเองคนเดียว

แล้วจะพูดประโยคซ้ำๆกันทำไม!! ก็แค่รวมประโยคให้สั้นลง โดยใช้คำเชื่อมในภาษาไทยคือ คำสันธาน ส่วนภาษาอังกฤษ เรียกว่า conjunction นั่นเอง

1. Coordinating Conjunction

คำสันธานเชื่อมคำ วลี หรือประโยค ซึ่งข้อความทั้งสองเน้นหนักเท่ากัน โดยคำสันธานวางต่อท้ายประโยคหลัก และ มีเครื่องหมายจุลภาค (comma) ในกรณีที่เชื่อมกับประโยคอิสระ (Independent clause) ท่องไป FANBOYS คือไรหว่า?

F คือ for

A คือ and

N คือ nor

B คือ but

O คือ or

Y คือ yet

S คือ so

ตัวอย่างการใช้ for

ตัวอย่าง Mesa is studying at an International school, for she wants to be a doctor.

แปลว่า เมษากำลังเรียนโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง เพราะเขาผู้หญิงต้องการเป็นคุณหมอ

คำอธิบาย for (เพราะ) แสดงความเป็นเหตุ เขาต้องการเป็นหมอ ส่งผลให้เขาเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติไงละ

ตัวอย่างการใช้ and

ตัวอย่าง Mesa and Malee are studying at an International school.

แปลว่า เมษาและมาลีกำลังเรียนโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง

คำอธิบาย and (และ) ใช้เชื่อมประโยคที่สอดคล้องกัน คือทั้งเมษาและมาลี เรียนที่เดียวกันนะจ๊ะ

ตัวอย่างการใช้ nor

ตัวอย่าง Mesa can’t speak English, nor can she speak Chinese.

แปลว่า เมษาไม่สามารถพูดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน

คำอธิบาย nor (ไม่ทั้งสอง) ใช้เชื่อมประโยคปฏิเสธ ที่เป็นปฏิเสธทั้งคู่ ซึ่งตรงข้ามกับ or (หรือ)

เห็นอะไรแว๊บๆ ไหม คือต้องวาง กริยาช่วย ประธาน กริยาหลัก ตามหลัง nor นะ

ตัวอย่างการใช้ but

ตัวอย่าง Malee is confident, but Mesa is diffident.

แปลว่า มาลีเป็นคนมั่นใจในตัวเอง แต่เป็นเมษาเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเอง

คำอธิบาย but (แต่) ใช้เชื่อมประโยคที่ขัดแย้งกัน ความหมายตรงข้ามกัน อะไรทำนองนั่น

ตัวอย่างการใช้ or

ตัวอย่าง Mesa wants to be a doctor or nurse.

แปลว่า เมษาต้องการจะเป็นคุณหมอหรือนางพยาบาล

คำอธิบาย or (หรือ) ใช้เชื่อมประโยคที่ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ว่าจะเป็นหมอหรือพยาบาล

ตัวอย่างการใช้ yet

ตัวอย่าง Malee is weird, yet she is intelligent.

แปลว่า มาลีเป็นแปลก แต่เขาก็เป็นคนฉลาดนะ

คำอธิบาย yet (แต่) ใช้เชื่อมประโยคที่ขัดแย้งกันเหมือน but (แต่) มาลีดูเพี้ยนๆก็จริง แต่กลับฉลาดได้อีก

ตัวอย่างการใช้ so

ตัวอย่าง Mesa wants to be a doctor, so she tries to improve her English skill.

แปลว่า เมษาต้องการจะเป็นคุณหมอ ดังนั้นเขาผู้หญิงจึงพยายามที่จะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของเขา

คำอธิบาย so (ดังนั้น) ใช้เชื่อมประโยคที่แสดงเหตุผลกัน อยากเป็นหมอ เลยต้องฝึกภาษาไว้นะตะเอง


2. Coordinating Conjunction

คำสันธานระหว่างประโยคหลัก กับประโยครอง โดยมีคำสันธานเชื่อมระหว่างสองประโยค ในรูปแบบของสถานที่ เวลา และความสัมพันธ์

อาทิ after, although, as, because, before, even if

ตัวอย่าง Even though Sayumphu is very rich, he lives in a small house.

แปลว่า ถึงแม้ว่าสยุมภูว์จะรวยมาก เขาผู้ชายอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง

คำอธิบาย Even though (ถึงแม้ว่า) ใช้เชื่อมประโยคที่แสดงให้เห็นว่า ประโยคหลัก เขาผู้ชายอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆ หลังหนึ่ง เชื่อมความขัดแย้งในทางตรงกันข้ามว่า เขารวยมากนะ แกร... โดยมีเครื่องหมายจุลภาค (comma) มาเชื่อมอยู่ด้วยจ้า

ตัวอย่าง Would you mind if I sit here?

แปลว่า คุณจะว่าอะไรไหมถ้าฉันขอนั่งที่นี้

คำอธิบาย if (ถ้า) ใช้เชื่อมประโยคโดยวางคำสันธานตรงกลางประโยค ปราศจากเครื่องหมายจุลภาค (comma)

if (ถ้า) ใช้ได้หลายกรณี ในตัวอย่างนี้ ใช้ตามหลังคำกริยาที่แสดงความรู้สึก (mind) แปลได้อีกอย่างว่า รังเกียจ จะรังเกียจกันไหมเนี่ย ถ้าฉันจะนั่งตรงนี้ พอดียังไม่อาบน้ำเลย ว่าไปนั่น

สรุปเลย สันธานประเภทนี้ ใช้เชื่อมประโยคกับประโยคเด้อค่า ต่างกับประเภทแรกทื่เชื่อมได้หมดเน้อ

3. Corelative Conjunction

คำสันธานที่ไปกันเป็นคู่ แบบเส้นขนาน ใช้เชื่อมวลี หรือคำ ซึ่งแบกความสำคัญไปเท่าๆกัน

อาทิ both…and, not only…but also, as…as, neither…nor

ตัวอย่าง Should Cin either tell the truth or tell a lie?

แปลว่า ซินควรจะพูดความจริงหรือพูดโกหกดีล่ะ

คำอธิบาย either…or (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) ใช้เชื่อมวลี พูดความจริง (tell the truth) หรือ พูดโกหก (tell a lie) โดยวางวลีไว้ข้างหน้าและข้างหลัง or (หรือ)

ตัวอย่าง Neither Cin nor Rin are ladyboys.

แปลว่า ซินและรินไม่ใช่สาวประเภทสองทั้งคู่เลย

คำอธิบาย neither…nor (ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง) ใช้เชื่อมคำ ซิน (Cin) และริน (Rin) ทั้งสองคนไม่ใช่สาวประเภทสอง โดยเป็นประโยคที่ออกมาในรูปแบบปฏิเสธทั้งหมด

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ร่วมแสดงความคิดเห็น